Tuesday, July 19, 2011

[Review] Call of Juarez : The Cartel


[REVIEW] Call of Juarez : The Cartel ,Ubisoft
Platform : Xbox360 , PS3 , PC
Genres : FPS


                 นี่ก็เป็นเวลาถึง 4 ปีได้แล้วที่เราได้เห็นเกมซีรีย์ Call of Juarez ภาคแรกออกมาฉายประกายเกมแนว FPS ในธีมของคาวบอยแห่งตะวันตก ซึ่งผมได้มีโอกาสเล่นและต้องขอบอกว่า ในช่วงนั้นรูปแบบใหม่ๆแบบนี้นับว่าเสี่ยงอยู่พอสมควร แต่จากที่ไม่มีอะไรให้เล่นในเวลานั้น จึงได้ลองหามาเล่นดูซึ่งความรู้สึกที่ได้นั้นกลับกลายเป็นว่า เกมนี้ดีกว่าที่คิดเพราะมันให้ความสนุกที่แปลกใหม่ถึงแม้กราฟิกจะดูไม่โดดเด่นนัก (โดยเฉพาะฉากกับบรรยากาศ ส่วนตัวละครไม่ค่อยดีนัก) แต่สิ่งที่มันนำเสนอกลับทำให้ประทับใจไม่ว่าจะเป็นส่วนของแอ็คชั่นและแพลตฟอร์มมิ่งที่รวมกันได้อย่างลงตัว ถึงมันจะเง๊อะๆง๊ะๆอยู่บ้างก็ตาม

เปลี่ยนแปลงเกมเพลย์แต่ไว้ซึ่งสไตล์ที่เป็น CoJ
                 ณ ตอนนี้ก็เป็นการมาถึงของเกมภาคที่ 3 ของซีรีย์กันแล้วกับ Call of Juarez : The Cartel  ในภาคนี้หลายๆสิ่งหลายๆอย่างถูกปรับเปลี่ยนไปให้มีความเป็นปัจจุบันมากขึ้นซึ่งต่างจาก 2 ภาคที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้นแล้วมันก็ยังคงนำเสนอรูปแบบเกมเดินยิงในสไตล์ตะวันตกอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นธีมต่างๆทั้งเสียงดนตรีประกอบ สไตล์ตัวละคร อาวุธและรูปแบบของฉากที่มีตั้งแต่กลางป่าเขา เขตหมู่บ้านล้างกลางทะเลทรายและ เขตชานเมืองแห่งนคร แอล.เอ.อันเสื่อมโทรม แต่สิ่งเหล่านี้มันเป็นการสานต่ออย่างที่มันควรจะเป็นหรือเปล่า? เราคงต้องมาดูกันต่อจากนี้..

Benjamin MCcall ,Kim Evans และ Eddie Guerra
               ในเกมนี้คุณจะได้รับบทเป็นสมาชิกคนหนึ่งในทีมเฉพาะกิจพิเศษที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อทำการโค่นล้มแก๊งค์ยักษ์ใหญ่ของแม๊กซิโก "เดอะ คาร์เทล" ที่เชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการวางระเบิดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งตัวเกมจะให้ผู้เล่นได้เลือกเล่นเป็นตัวละครที่มีความถนัดและสามารถแตกต่างกันตัวใดตัวหนึ่งจากทั้งหมด 3คนซึ่งก็มี เบ็น แม๊คคอลตำรวจขาโหดแห่ง LAPD (ยิงระยะใกล้,เติมกระสุนจำพวกรีโวลเวอี์ได้ไว) ,เอ็ดดี้ เกวอร์ร่า เจ้าหน้าที่ DEA ผู้มีผลงานท่วมท้น (ยิงระยะกลาง,ถืออาวุธแบบ Akimbo) หรือ คิม อีวานส์ สาวแกร่งที่ผันชีวิตจากแก้งค์ข้างถนนมาเป็น FBI (ยิงระยะไกล,โฟกัสพิเศษตอนเล็ง) ซึ่งตัวเกมรองรับระบบ co-op/online co-op ที่เล่นด้วยกันได้ถึง 3  ผู้เล่น(ถ้าเล่นคนเดียวเพื่อนในทีมจะถูกแทนที่ด้วย ai) โดยทั้ง 3 คนต้องช่วยกันคลี่คลายเบื้องหลังของเหตุการณ์ครั้งนี้และกำจัดแก้งค์ดังกล่าวลงให้จงได้ แต่ใครจะรู้ว่าเรื่องราวต่างๆนั้นซับซ้อนซ่อนเงื่อนแล้วมีเบื้องหลังหักมุมอย่างไร

เจอบท bad-cop ของตำรวจแอล.เอ. ขาโหดสักหมัด
และนั่นก็หมายถึงบุกจับคนนอนเปลือยด้วยเหรอ!?
             เกมเพลย์ในภาคนี้ก็ยังเป็นแนว FPS สาดกระสุนเหมือนเกมรุ่นพี่ของมัน แต่ก็มีหลายๆสิ่งที่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเพราะธีมหลักของเกมถูกปรับเป็นยุคปัจจุบันนั่นเองไม่ว่าจะเป็นอาวุธ ,ยวดยานพาหนะที่คุณจะเจอในเกมก็จะเป็นอะไรที่คุ้นตากันดี ในส่วนของแอ๊คชั่นที่เกมได้นำเสนอนั้นผู้เล่นจะได้สัมผัสการปะทะกันแบบเดินเท้าทั้งในหรือนอกอาคารไปตามสภาพแวดล้อมต่างๆในเขตแอล.เอ.ยันเม็กซิโก ไม่ว่าจะเป็นการขับรถไล่ล่าอย่างดุเดือดบนทางหลวงที่มีการจราจรหนาแน่นซึ่งในหลายๆครั้งผู้เล่นจะได้ขับเองด้วย นอกจากนี้แล้วในเกมก็ยังใส่ตัวช่วยที่เรียกว่า consentrate mode หรือ slow-mo ช่วงสั้นๆมาให้ใช้เพิ่มความได้เปรียบ(บ้าง) โดยผู้เล่นต้องทำการชาร์ตพลังนี้จากการสังหารศัตรูให้เต็มก่อน แล้วเพื่อไม่ให้เกมการเล่นจำเจจนเกินไปก็จะส่วนของภารกิจย่อยซึ่งจะได้รับจากคนรู้จักซึ่งแต่ละตัวละครก็จะแตกต่างกันด้วย(แล้วเป็นการเปิดเบื้องหลังย่อยๆที่น่าสนใจของตัวละครแต่ละตัว) โดยคุณต้องหยิบฉวย/แอบกระทำบางสิ่งในสถานที่นั้นๆซึ่งแน่หล่ะว่าบางอย่างมันไม่ถูกต้อง(ก็ใช่ว่าคุณเป็น good-cop ซะที่ไหนกัน แต่ถ้าเพื่อนก็ ฮั่นแน่..ทำไรเอ่ย) และถ้าหากทำได้สำเร็จก็จะได้รับค่าประสบการณ์เพื่อนำไปปลดล็อคอาวุธใหม่ๆ  นอกจากนี้แล้วในบางฉากไม่ว่าคุณจะเล่นคนเดียวหรือเล่นกับเพื่อนก็ใช่ว่าทุกคนจะเริ่มต้นหรือไปด้วยกันตลอดทางเสมอไปเพราะมันขึ้นอยู่กับตัวละครที่ผู้เล่นเลือกและเนื้อเรื่องของเกมที่ต้องการสลับสับเปลี่ยนบรรยากาศให้กับผู้เล่นนั่นเอง แล้วทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่คุณจะได้ลิ้มลองและสัมผัสไปกับเกมภาคนี้

ไล่ล่าผู้หลบหนีไม่ก็สลับกันบนถนนหลวงกันเลยทีเดียว
ปะทะกันกลางเมืองในย่านเสื่อมโทรมของแอล.เอ.
            แต่ก็ใช่ว่าที่กล่าวมาทั้งหมดจะราบรื่นไปซะทุกอย่าง จากการที่ใช้เวลาไปกับเกมแบบเต็มๆถึง 15 ชั่วโมงและจบเกมปถึง 2 รอบ (ณ ตอนที่แก้ไข review อยู่วันที่ 25 ผมเลิกเล่นเกมนี้ไปแล้วเพราะจบเกมไปถึง 4 รอบด้วยกัน) ทำให้ผมได้เห็นถึงข้อบกพร่องเล็กน้อยๆที่เกิดขึ้นหลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็น ปัญหาจุกจิกจากเพื่อนร่วมทีมที่เป็น ai ไม่ว่าจะเป็นการที่เอาแน่ไม่ค่อยได้แล้วมันยังเดินไปบล๊อคเส้นทางของคุณ ,ระบบการชนของรถที่เง๊อะๆง๊ะๆนิดหน่อย ,กับบัคของการเล็งที่บางครั้งดันไปโฟกัสเอาที่กำบังที่คุณหลบอยู่ซะเองทำให้ภาพเบลอไปหมดทั้งที่เป้าปืนพ้นระยะออกมาแล้ว  แล้วก็สคริปบทพูดทีในบางครั้งจะถูกแทรกหรือตัดจบไปดื้อๆ และไม่ตรงกับซัป ที่อาจจะทำให้ขัดหูขัดตาอยู่บ้าง และท้ายสุด เมื่อมันเป็นยุคปัจจุบันในเกมภาคนี้ผมคงต้องบอกว่า ลืมเรื่องการดวลปืนแบบคาวบอยไปได้เลยเพราะ คุณคงไม่เอาปืนลูกโม่ไปยืนแลกกับ uzi อย่างแน่นอน (แต่ก็ใช่ว่าไม่อยากทำหนินะ)

เมืองเล็กๆตรงนั้น ใครที่เคยเล่นภาคก่อนอาจจะคุ้นตา
ฟอร์ทร้างในเม็กซิโก ถ้ายังไม่ลืมนี่ก็ฉากสุดท้ายในภาค 1
          ทางด้านของกราฟิกและองค์ประกอบต่างๆของเกมนี้คงบอกว่ามันทำออกมาได้ในระดับที่ดี ไม่ว่าจะเป็น ฉาก,ตัวละครต่างๆ และเอฟเฟคแสงเงา แต่ก็มีเอฟเฟคอย่างรอยกระสุน,ระเบิด,เปลวไฟ ที่ดูหยาบไปบ้างและข้อเสียที่ชัดสุดๆในเรื่องภาพก็ไม่พ้นเอฟเฟค bloom ที่ดูเยอะเกิน(สำหรับบางฉาก) แต่ก็มันก็สามารถชดเชยด้วยฉากในหลายๆพื้นที่ของเกมได้ถูกรังสรรค์ออกมาอย่างมีชีวิตชีวาพอที่จะทำให้คุณเลิกสนใจรายละเอียดเล็กน้อยๆนี้ได้  ในส่วนของเสียงต้องขอยกให้เรื่องของธีม-เพลงประกอบที่ทำได้เข้ากับฉากในหลายๆส่วน มันทำให้ดูมีความเป็นคาวบอยฝั่งตะวันตกยุคเก่าได้ถึงแม้จะอยู่ในยุคปัจจุบันก็ตามแล้วมันยังทำให้รู้สึกสนุกไปกับฉากแอ๊คชั่นในหลายๆครั้งได้จริงๆ อีกทั้งเสียงของอาวุธไม่ว่าจะเป็นการยิงกันทั้งในหรือนอกอาคารกับเสียงพากย์ของตัวละครก็ออกมาดีเช่นกัน สำหรับจุดบกพร่องนั้นก็คงไม่พ้นเรื่องเสียงประกอบอย่างเช่นเสียงรถและฝีเท้าซึ่งบางทีขาดหายไปดื้อๆ



             เมื่อมองในภาพรวมของเกมไม่ว่าจะเกมเพลย์ ภาพ,เสียง,เนื้อเรื่อง ผมอยากจะบอกว่ามันเป็นเกมระดับปานกลางที่ยังคงสไตล์ของมันไว้ได้แล้วนำเสนอรูปแบบที่ผสมผสานเข้ากับยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดีนอกจากความรู้สึกที่ได้ในการเล่นที่บอกถึงความมีสไตล์ในแบบของมันเองแล้วเกมนี้ยังให้ความสนุกและหลากหลายอย่างสมน้ำสมเนื้อกับความยาว7-8ชั่วโมง แต่สิ่งที่ทำให้มันดูเหมือนขาดการขัดเกลาก็เป็นเพราะปัญหาจุกจิกน่ารำคาญเล็กน้อย ที่อาจจะทำให้ขาดความต่อเนื่องในการเล่นไปบ้าง ซึ่งถ้าหากคุณเป็นแฟนของซีรีย์ที่คาดหวังว่ามันจะสานต่อไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของเกมรุ่นพี่ๆของมันแล้วหล่ะก็ เกมนี้เป็นภาคต่อที่นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว(แต่ก็ไม่ได้ถึงกับดีมาก)แม้บางอย่างจะเปลี่ยนไปและตัดออกไปบ้าง โดยถ้าคุณชอบ CoJ แล้วหล่ะก็ The Cartel จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง แต่สำหรับเกมเมอร์ขาจรแล้วถ้าต้องการหาเกมเดินยิงที่มีความสนุกแก้เซ็งและมีค่าพอที่จะให้เล่นซ้ำก็ควรพิจารณาเกมนี้ได้เลย

Gameplay Video โดย Tananset J.





GOOD
+มีความหลากหลายในการเล่นพอที่จะให้เล่นซ้ำไปกับตัวละครอื่น
+แอ๊คชั่น/ธีมผสมระหว่างตะวันตกเก่ากับปัจจุบันที่ดูดี
+การเล่น Co-op ที่หลากหลาย
BAD
-บัค และปัญหาจุกจิกน่ารำคาญ
-ai ที่เอาแน่ไม่ได้
-ฉากและเอฟเฟคบางส่วนดูธรรมดาเกินไป

(ปัญหาที่เกิดใน chapter 7 ,ที่ทำให้เกมดำเนินเหตุการณ์ต่อไม่ได้นั้นบนชั้นดาดฟ้า ณ ตอนนี้ผมคิดว่าได้ถูก patch แก้ไขเรียบร้อยแล้ว ผ่านอัปเดตของตัวเกมบน XboxLive,PSN)

GAME-SCORE : 7.2/10
Review and Written By Tananset J.